ดูบทความ
ดูบทความไม้เรดโอ๊ค และ ไม้ไวท์โอ๊ค เหมือนหรือต่างกันอย่างไร
ไม้เรดโอ๊ค และ ไม้ไวท์โอ๊ค เหมือนหรือต่างกันอย่างไร
เรดโอ๊ค (Red Oak) กับ ไวท์โอ๊ค(White Oak)
ไม้ตระกูลโอ๊คจัดเป็นไม้เนื้อแข็ง ที่มีโทนสีอ่อน นักออกแบบเลือกไม้ชนิดนี้มาใช้ในงานกันมาก เนื่องจากแนวทางการแต่งบ้านสมัยนี้นิยมสไตล์โมเดิร์น ที่ให้ความสัมผัสเรียบง่าย และเบาสบายได้ดี แล้วเราจะเลือกใช้โอ๊คชนิดไหนให้เหมาะกับงานได้อย่างไร? มารู้จักความแตกต่างที่สำคัญของเรดโอ๊คและไวท์โอ๊คดังนี้
1. สีและลักษณะลวดลาย: เรดโอ๊ค มีสีน้ำตาลอ่อนอมแดงหรือชมพู ลวดลายของเนื้อไม้มีความกว้างและชัดเจนกว่าไวท์โอ๊ค ส่วนไวท์โอ๊คมีสีน้ำตาลอมเหลืองหรือเทา ลวดลายของเนื้อไม้มีความละเอียดกว่า และเส้นใยของเนื้อไม้มีลักษณะเส้นตรงเรียงตัวแน่น
2. ความแข็งแรงและความทนทาน: ตามการทดสอบความแข็งของจังก้า (Janka hardness test) ไม้ไวท์โอ๊คมีคะแนนอยู่ที่ 1360 ในขณะที่ไม้เรดโอ๊คอยู่ที่ 1290
ไม้เรดโอ๊คมีเนื้อไม้ที่เปิดกว้างกว่า ทำให้สามารถดูดซับน้ำและความชื้นได้ง่ายกว่า จึงมีความทนทานน้อยกว่าเมื่อใช้งานกลางแจ้งหรืองานที่ต้องเผชิญกับความชื้น ส่วนไวท์โอ๊ค มีความแข็งแรงและทนทานสูงกว่าเรดโอ๊ค โดยเฉพาะในเรื่องของการทนต่อความชื้น ไวท์โอ๊คมีเนื้อไม้ที่ละเอียดและปิดตัวแน่นกว่าทำให้ไม่ดูดซับน้ำง่าย
3. การใช้งาน: เรดโอ๊ค มักใช้ในงานเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน, พื้นไม้ภายในอาคาร หรือการตกแต่งที่ไม่ต้องการทนต่อความชื้นมาก ส่วนไวท์โอ๊ค เนื่องจากมีความทนทานต่อความชื้นและมีความแข็งแรงสูง มักใช้ในงานที่ต้องการความทนทาน เช่น งานเฟอร์นิเจอร์กลางแจ้ง, พื้นไม้, งานเรือ หรือถังไวน์
4. ราคา: เรดโอ๊ค มักมีราคาถูกกว่า ทำให้เป็นตัวเลือกที่นิยมใช้ในงานเฟอร์นิเจอร์ภายในที่ไม่ต้องการคุณสมบัติทนทานต่อสภาพแวดล้อมสูง ในขณะที่ไวท์โอ๊คโดยทั่วไปจะมีราคาสูงกว่า เนื่องจากความแข็งแรงและคุณสมบัติในการทนทานที่ดีกว่า
5. การทำงานกับไม้: เรดโอ๊ค ง่ายต่อการตัดและขึ้นรูปมากกว่า เนื่องจากเนื้อไม้ไม่แข็งมาก แต่ผิวไม้อาจไม่เรียบเท่าไวท์โอ๊คเมื่อขัด ส่วนไวท์โอ๊ค มีความแข็งมากกว่า ทำให้การตัดหรือขึ้นรูปยากกว่า แต่ให้ผิวไม้ที่เรียบเนียนและดูหรูหราเมื่อขัด
สรุปคือ **ไวท์โอ๊ค** เหมาะกับงานที่ต้องการความทนทานต่อสภาพแวดล้อมและการใช้งานภายนอก ส่วน **เรดโอ๊ค** เหมาะสำหรับงานภายในบ้านและเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ต้องเผชิญกับความชื้น
14 ตุลาคม 2567
ผู้ชม 26 ครั้ง